ทำฟัน จัดฟัน นัดปรึกษาฟรี : @iDentistClinic

รากฟันเทียม

เลือกหัวข้อรากฟันเทียม​

iDentist Dental Clinic

รากฟันเทียม

รากฟันเทียมคืออะไร

การฝังรากฟันเทียมเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่ได้ผลลัพธ์การใช้งานเสมือนฝันธรรมชาติต้องทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางโดยจะฝันวัสดุไทเทเนี่ยมที่มีรูปร่างคล้ายรากฟันลงบนกระดูกขากรรไกร เมื่อฝังรากเทียมบนกระดูกขากรรไกรจนได้เวลา 3-6 เดือน เพื่อให้รากฟันยึดติดกับกระดูกขากันไกลได้ดีหลังจากนั้นจึงใส่เดือยรองรับครอบฟันลงบนรากเทียมเพื่อใช้เป็นที่รองรับการครอบฟันต่อไป

ทำรากฟันเทียม + ครอบฟัน
เริ่มเพียง 29,000 บาท จาก ราคาเต็ม 40,000 บาท

  • เรามีจุดมุ่งหมายทำราคารากฟันเทียมให้สามารถทำกันได้อย่างทั่วถึง

  • ให้บริการทำรากฟันเทียมโดยทีมทันตแพทย์ที่มากด้วยประสบการณ์และปฎิบัติงานประจำอยู่ที่โรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่งใน กรุงเทพ

  • เราใช้วัสดุรากฟันเทียมที่มีคุณภาพระดับโลกอย่างเช่น Osstem, Straumann

ข้อดีของการทำรากฟันเทียม

– ยิ้มได้ด้วยความมั่นใจ
รับประทานอาหารได้ทุกชนิดที่คุณชื่นชอบ
– พูดจาชัดถ้อยชัดคำที่เป็นธรรมชาติ
– เพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยว
– ทำให้อาหารย่อยได้ดีขึ้น
บูรณะโครงสร้างของใบหน้าให้เกิดความสมบูรณ์แบบ
เชื่อมั่นในตนเองและทำให้มีบุคลิกภาพที่ดี

ทีมงานและทันตแพทย์ของเรา
มีความเชี่ยวชาญระดับสูงด้านการทำรากฟันเทียม

D.D.S. Kantanut Chutwarutana
(คุณหมอฟ่ง)​ ​

  • ทันตแพทย์ศาสตร์บัณฑิต – มหาวิทยาลัยมหิดล

  • ปริญญาโท สาขาทันตกรรมรากเทียม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

  • Master of Science Implantology and Dental Surgery, International Medical College, Germany

ทพญ. ปารย์รวี ถนอมศักดิ์ชัย
(หมอแก๊ม)

  • ​ทันตแพทยศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (เกียรตินิยมอันดับ1)

  • วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ทันตแพทยศาสตร์) – ทันตกรรมประดิษฐ์

ทพญ. รัชกร วรรณตระกูล
(หมอเนเน่)

  • ทันตแพทย์ศาสตร์บัณฑิต 2556 – มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

  • ประกาศนียบัตรบัณฑิต 2563 สาขาศัลยกรรมช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล – โรงพยาบาลชลบุรี

ทพ. ยอดมงคล ศรีอรุโณทัย
(หมอยอด)​ ​

  • ​ทันตแพทย์ศาสตร์บัณฑิต 2560 – จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ​(เกียรตินิยมอันดับ2)

  • ประกาศนียบัตรบัณฑิต 2562 สาขาศัลยกรรมช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล – จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

  • CE Implantology 2563 – จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม
แบ่งชำระได้ภายใน 1-3 เดือนแล้วแต่เคส

1. ปรึกษาทันตแพทย์ (ไม่มีค่าใช่จ่าย)
2.
ทำการเอ็กซเรย์เพื่อประเมินความหนาของกระดูก
3. ทำการฝังรากฟันเทียม OSSTEM หรือ อื่นๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการคนไข้และรอเวลาให้รากเทียมยึดติดกับกระดูกค้าตั้งไกลได้ดีประมาณ 3-6 เดือน สำหรับฟันบนและ 2-3 เดือนสำหรับฟันล่าง
4. ทำการครอบฟันโดยการครอบฟันนั้นจะมีรูปร่างลักษณะและสีสวยงามเหมือนฟันธรรมชาติหลังจากนั้นทันตแพทย์จะนัดเช็คเพิ่มเพื่อติดตามผลต่อไป

ผลกระทบจากการสูญเสียฟันที่คุณอาจไม่เคยรู้

การสูญเสียฟันหนึ่งซี่ หรือหลายซี่ที่ไม่ได้รับการรักษาโดยการใส่ฟันเทียมในเวลาที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพฟันที่ไม่คาดคิด ดังนี้:

  1. ฟันข้างเคียงพยายามย้ายที่
    ฟันข้างเคียงจะพยายามเคลื่อนที่มาเพื่อปิดช่องว่าง ส่งผลให้ฟันที่เหลืออาจเอียงหรือหลุดง่าย อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสให้เกิดโรคเหงือกหรือโรคปริทันต์ เนื่องจากการเคลื่อนที่ทำให้เกิดการเสียดสีและความเสียหายตามมา จนต้องถอนฟันอีกซี่หนึ่ง
  2. ฟันคู่สบเคลื่อนที่
    ฟันคู่สบที่ขาดการเคลื่อนไหวตามปกติ จะพยายามย้ายมาที่ช่องว่างนั้น ทำให้ฟันยื่นออกมา หรือเกิดอาการเสียวฟัน หากปล่อยไว้นาน อาจต้องถอนฟันซี่นั้นออก
  3. ฟันที่เหลือถูกใช้งานหนักเกินไป
    เมื่อฟันจำนวนลดลง แต่ต้องรับแรงบดเคี้ยวเท่าเดิม ฟันที่เหลืออยู่จะได้รับแรงที่มากเกินไป จนอาจเกิดการแตกหรือเสียหายได้
  4. การเปลี่ยนแปลงของใบหน้า
    การสูญเสียฟันโดยเฉพาะฟันหลัง ที่มีบทบาทในการบดเคี้ยวจะทำให้ใบหน้าเสียสมดุล ดูมีริ้วรอยหรือยุบลงจากการสูญเสียความสูงของฟัน
  5. ความมั่นใจหายไป
    การสูญเสียฟันหน้า หรือฟันที่มองเห็นได้ง่ายอาจทำให้คุณรู้สึกขาดความมั่นใจในตัวเอง โดยเฉพาะเวลายิ้มแล้วเห็นช่องว่างในปาก

รากฟันเทียม (Implant) แก้ไขปัญหาฟันหายไปได้อย่างไร

การใส่รากฟันเทียม (Implant) เมื่อฟันหายไป จะช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้นได้หลากหลาย:

  1. ช่วยป้องกันฟันข้างเคียงเคลื่อนตัว
    รากฟันเทียมจะทำหน้าที่แทนฟันที่หายไป และป้องกันไม่ให้ฟันข้างเคียงเคลื่อนที่มาปิดช่องว่าง ซึ่งจะช่วยรักษารูปทรงของฟันและป้องกันการเสียหายเพิ่มเติม
  2. ป้องกันการเคลื่อนที่ของฟันคู่สบ
    การใส่รากฟันเทียมสามารถช่วยฟันคู่สบไม่ให้เคลื่อนตัวมาและทำให้เกิดปัญหาฟันยื่นหรือเสียวฟัน ซึ่งจะช่วยลดการเกิดการถอนฟันซี่ที่มีปัญหา
  3. ลดแรงกดที่ฟันที่เหลือ
    รากฟันเทียมช่วยกระจายแรงบดเคี้ยวให้เหมาะสม ไม่ทำให้ฟันที่เหลืออยู่ต้องรับแรงมากเกินไป ซึ่งจะช่วยป้องกันการแตกหักของฟัน
  4. คืนความสมดุลให้ใบหน้า
    การใส่รากฟันเทียมช่วยรักษาความสูงของฟันที่หายไป ทำให้ใบหน้าไม่ยุบลงและดูอ่อนเยาว์ขึ้น
  5. เพิ่มความมั่นใจในการยิ้ม
    ฟันเทียมทำให้คุณกลับมามีรอยยิ้มที่สวยงามเหมือนเดิม ไม่ต้องกังวลเรื่องช่องว่างที่ทำให้ขาดความมั่นใจเวลาเปิดปาก

การใส่รากฟันเทียมเป็นทางเลือกที่ดีในการแก้ไขปัญหาฟันหายไป และช่วยคืนความสมบูรณ์ให้กับฟันและสุขภาพช่องปากของคุณ

ใครบ้างที่เหมาะกับการใส่รากฟันเทียม?

  1. ผู้ที่สูญเสียฟันและไม่ต้องการใช้ฟันปลอมแบบถอดได้
  2. ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
  3. ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง หรือมีโรคประจำตัวที่สามารถควบคุมได้ และสามารถเข้ารับการฝังรากฟันเทียม รวมถึงมาตามนัดได้อย่างสม่ำเสมอ

รากฟันเทียมประกอบด้วยอะไรบ้าง?

  • Implant body หรือ Fixture: ส่วนนี้ฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกรใต้เหงือก ทำหน้าที่เหมือนรากฟันจริง โดยมีลักษณะคล้ายสกรู
  • Implant Abutment: ส่วนนี้จะเชื่อมต่อกับตัวครอบฟันที่ใช้ทดแทนโครงสร้างฟัน ต่อจากส่วนของ body
  • Crown: ฟันเทียมที่ทำจากเซรามิก ซึ่งมีสีและรูปร่างคล้ายฟันธรรมชาติ
  • Prosthetic component: ส่วนของฟันเทียมที่ใช้ในการประดิษฐ์ เช่น ครอบสะพาน ซึ่งจะติดตั้งด้วยกาวทันตกรรม

ประเภทของรากฟันเทียม

  1. รากฟันเทียมแบบ 1 ซี่ (Single Tooth Implant): ใช้แทนฟันซี่เดียวที่สูญหาย
  2. รากฟันเทียมหลายซี่ (Multiple Dental Implants): ใช้เมื่อมีการสูญเสียฟันหลายซี่
  3. รากฟันเทียมรองรับสะพานฟัน (Implants Support Bridge): ใช้ในการทำสะพานฟันเมื่อสูญเสียฟันหลายซี่
  4. รากฟันเทียมแบบครบทั้งปาก (Implants Over Denture): ใช้แทนฟันที่หายไปทั้งปากและรองรับฟันปลอม
  5. รากฟันเทียมทั้งปากแบบ All on 4: การฝังรากฟันเทียมทั้งหมดในปากโดยใช้เพียง 4 รากฟัน

ทำรากฟันเทียมใน สะดวก รวดเร็ว วันเดียวเสร็จ

การทำรากฟันเทียมภายใน 1 วัน หรือที่เรียกว่า one day implant เป็นทางเลือกที่สะดวกและรวดเร็วกว่าการทำรากฟันเทียมแบบดั้งเดิม เพราะสามารถทำได้ครบทุกขั้นตอนในวันเดียว โดยในวันทำการรักษา แพทย์จะถอนฟันที่ต้องการแล้วฝังรากฟันเทียมเข้าไป พร้อมทั้งใส่ครอบฟันชั่วคราวเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้งานได้ทันทีในวันนั้น เช่น การพูดและยิ้มอย่างมั่นใจทันที แต่การทำรากฟันเทียมในวันเดียวไม่เหมาะกับทุกคน เพราะต้องพิจารณาความเหมาะสมตามปัจจัยหลายด้าน เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด

ประเภทของรากฟันเทียม

รากฟันเทียมสามารถแบ่งประเภทตามระยะเวลาในการใส่รากฟันและครอบฟันหลังจากการถอนฟัน โดยสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ ดังนี้

  1. Conventional Implant (แบบดั้งเดิม)
    เป็นวิธีที่ใช้เวลานานที่สุด โดยหลังจากถอนฟันแล้ว จะต้องรอประมาณ 3-6 เดือนเพื่อให้กระดูกที่ถูกถอนฟื้นตัวและสมานตัวอย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นจึงฝังรากฟันเทียม และรออีก 3-6 เดือน เพื่อให้กระดูกยึดติดกับรากฟันเทียม จากนั้นถึงจะทำครอบฟันให้เสร็จ
  2. Immediate Implant Placement (ใส่รากฟันเทียมทันที)
    วิธีนี้สามารถลดระยะเวลาได้มากกว่าการทำแบบแรก โดยหลังจากถอนฟันแล้ว สามารถฝังรากฟันเทียมทันที โดยไม่ต้องรอให้กระดูกหายก่อน หลังจากนั้นต้องรอ 3-6 เดือนเพื่อให้กระดูกยึดติดกับรากฟันเทียม ก่อนจะทำการใส่ครอบฟัน เหมาะสำหรับฟันที่มีกระดูกเพียงพอ ทั้งฟันหน้าและฟันหลัง ซึ่งแพทย์จะต้องประเมินสถานการณ์ผ่าน X-ray 3 มิติ เพื่อให้การรักษาประสบผลสำเร็จ
  3. Immediate Loaded Implant (ใส่รากฟันเทียมและครอบฟันในวันเดียว)
    วิธีนี้เหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกและประหยัดเวลา เพราะสามารถใส่ทั้งรากฟันเทียมและครอบฟันในวันเดียวกันได้เลย แต่ต้องมีการประเมินอย่างรอบคอบจากแพทย์เกี่ยวกับสภาพกระดูกและฟัน โดยจะต้องพิจารณาความคาดหวังของผู้ป่วยและความเป็นไปได้ในการรักษาของแต่ละคน

การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และการประเมินอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในระยะยาว

ขั้นตอนการทำรากฟันเทียมที่ง่ายและครบวงจร

การฝังรากฟันเทียม

  • เริ่มต้นด้วยการนัดหมายปรึกษาทันตแพทย์เพื่อวางแผนการรักษา ในการนัดหมายครั้งนี้ ทันตแพทย์จะทำการตรวจสุขภาพช่องปากและกระดูก รวมถึงถ่ายภาพเอกซเรย์ (X-ray) เพื่อประเมินความพร้อมของกระดูก สำหรับกรณีที่ต้องฝังรากฟันเทียมหลายตัว ทันตแพทย์จะใช้การพิมพ์ฟันเพื่อออกแบบแผนการรักษาอย่างละเอียด รวมถึงการสร้างเครื่องมือช่วยในการผ่าตัด (surgical guide) เพื่อให้การฝังรากฟันเทียมแม่นยำยิ่งขึ้น
  • ทันตแพทย์จะอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการทำศัลยกรรมเสริมกระดูก (bone graft) หรือการยกผนังไซนัส (maxillary sinus lifting) หากจำเป็น พร้อมทั้งแจ้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและนัดหมายวันฝังรากฟันเทียม
  • การเตรียมตัวก่อนการฝังรากฟันเทียม

    • ให้พักผ่อนเพียงพอและรับประทานยาประจำตัวตามปกติ
    • ทำใจให้สบายเพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
    • ในวันฝังรากฟันเทียม ทันตแพทย์จะทำการฝังรากฟันเทียมภายใต้ยาชาเฉพาะที่ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หากต้องทำศัลยกรรมเสริมอื่น ๆ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง เมื่อเสร็จแล้ว ทันตแพทย์จะเย็บแผลและนัดมาตัดไหมหลังจาก 1 สัปดาห์

การใส่ครอบฟัน

  • หลังจากฝังรากฟันเทียมไปแล้ว 3-6 เดือน รอให้รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกแล้ว ทันตแพทย์จะนัดให้ทำการใส่ครอบฟัน
  • ในขั้นตอนนี้ ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ฟันบริเวณที่ฝังรากฟันเทียม และส่งไปยังห้องแลปเพื่อทำครอบฟันเทียม
  • หลังจากนั้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ ทันตแพทย์จะนัดมาใส่ครอบฟันเทียม
  • การตรวจเช็คสภาพรากฟันเทียมจะมีการนัดหมายเป็นระยะ ๆ เช่น 1 เดือน, 3 เดือน, 6 เดือน และทุกปีหลังจากนั้น เพื่อให้มั่นใจว่ารากฟันเทียมอยู่ในสภาพดี

การดูแลรักษารากฟันเทียมอย่างเหมาะสมและการติดตามอาการหลังการทำฟันเทียมเป็นส่วนสำคัญในการยืดอายุการใช้งานของรากฟันเทียม การรักษาอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้กระดูกรอบรากฟันเทียมแข็งแรงและสมบูรณ์อยู่เสมอ ซึ่งจะทำให้ฟันเทียมมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

ราคารากฟันเทียม หลายคนที่สนใจทำรากฟันเทียมอาจสงสัยเกี่ยวกับราคา โดยราคาของการทำรากฟันเทียมจะแตกต่างกันไปตามสภาพปัญหาช่องปากและความต้องการของผู้ป่วย หากผู้ป่วยไม่สะดวกจ่ายเงินเต็มจำนวน ทางคลินิกสามารถจัดบริการผ่อนชำระเป็นรายงวด เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

ยี่ห้อรากฟันเทียมที่นิยมใช้

  • Osstem (จากเกาหลีใต้): จุดเด่นของรากฟันเทียม Osstem คือคุณภาพที่สูงและความทนทานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทำให้การยึดเกาะกับกระดูกแน่นหนาและยาวนาน มักจะเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการทำรากฟันเทียมที่มีคุณภาพดี ราคาไม่แพง ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการทำรากฟันเทียมได้มากยิ่งขึ้น
  • Hiossen (จากสหรัฐอเมริกา): รากฟันเทียม Hiossen มีจุดเด่นที่ความเสถียรและการออกแบบที่รองรับการใช้งานที่หลากหลาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูฟันที่หายไปในทุกกรณี
  • Astra Tech (จากสวีเดน): รากฟันเทียมจาก Astra Tech เป็นที่รู้จักในด้านความแม่นยำในการทำงานและการใช้งานวัสดุที่ดีที่สุดสำหรับการยึดติดกับกระดูกได้อย่างมั่นคง
  • Straumann (จากสวิตเซอร์แลนด์): รากฟันเทียม Straumann ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์เนื่องจากเทคโนโลยีการผลิตที่มีมาตรฐานสูงและการยึดเกาะที่มั่นคง ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน ทุกแบรนด์จะใช้ร่วมกับครอบฟันที่ทำจากเซรามิก 100% โดย Astra Tech และ Straumann มักจะเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการทำรากฟันเทียมที่มีความทนทานและความสวยงามสูง รวมถึงการรับประกันรากฟันเทียมตลอดอายุการใช้งาน

ระยะเวลาการทำรากฟันเทียม

การทำรากฟันเทียมจะใช้เวลา 2 ขั้นตอนหลัก ขั้นตอนแรกคือการฝังรากฟันเทียมลงในกระดูกขากรรไกร ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับความพร้อมของกระดูกและสภาพร่างกายของผู้ป่วย หากกระดูกไม่แข็งแรงอาจต้องใช้เวลานานขึ้น หรืออาจมีการเสริมกระดูกก่อน หลังจากที่รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกได้ดีแล้ว ขั้นตอนที่สองจะเป็นการติดตั้งฟันปลอมบนรากฟันเทียมที่พร้อมใช้งานแล้ว

การทำงานของรากฟันเทียม

รากฟันเทียมทำจากวัสดุที่มีความทนทานสูง เช่น ไททาเนียมหรือเซรามิก และมีลักษณะคล้ายสกรู ซึ่งเมื่อติดตั้งลงในขากรรไกรแล้ว จะทำหน้าที่เป็นฐานสำหรับการติดตั้งครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอม เพื่อทดแทนฟันเดิม โดยใช้เวลาในการรักษาประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพกระดูกขากรรไกร จำนวนฟันที่ต้องการทำการปลูกฝัง และประเภทของรากฟันเทียมที่เลือกใช้

การเตรียมตัวก่อนการทำรากฟันเทียม

  1. ปรึกษากับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการวางแผนการรักษา เช่น จำนวนรากฟันเทียมที่ต้องใส่ และความจำเป็นในการปลูกกระดูกเพิ่มเติม
  2. แจ้งโรคประจำตัว หากมี เพื่อให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมก่อนการทำรากฟันเทียม
  3. การถ่าย X-ray 3 มิติ อาจจำเป็นในกรณีที่ต้องใส่รากฟันเทียมหลายซี่ หรือมีกระดูกขากรรไกรที่เสื่อมสภาพไปมาก เพื่อช่วยวางแผนการรักษาอย่างแม่นยำ

การดูแลรักษารากฟันเทียมให้ยาวนาน

  1. รักษาความสะอาดช่องปาก: การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรากฟันเทียม
  2. ตรวจสุขภาพช่องปากกับทันตแพทย์: อย่าลืมไปพบทันตแพทย์ตามนัดทุกครั้ง และปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อการดูแลที่ดีที่สุด
  3. ระมัดระวังการเคี้ยวอาหาร: หลีกเลี่ยงการเคี้ยวของแข็งเพื่อไม่ให้รากฟันเทียมได้รับแรงกระแทก
  4. เลือกวัสดุและผู้เชี่ยวชาญ: การเลือกใช้รากฟันเทียมคุณภาพดีและการทำกับทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าไม่มีปัญหาหลังการรักษา

ปัจจุบัน รากฟันเทียมถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการฟื้นฟูสุขภาพฟัน เนื่องจากมันไม่เพียงช่วยให้การทดแทนฟันหายไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ยังเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ใส่ ทั้งในการพูด ยิ้ม และเข้าสังคมโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาฟัน

รากฟันเทียม vs สะพานฟัน

  1. ไม่ต้องกรอฟันข้างเคียง: เมื่อทำรากฟันเทียม เราไม่จำเป็นต้องกรอฟันข้างเคียงเหมือนกับสะพานฟัน ซึ่งช่วยรักษาสภาพฟันข้างเคียงไว้ได้
  2. ปัญหาการทำความสะอาด: การกรอฟันข้างเคียงอาจทำให้เกิดการสะสมของคราบและนำไปสู่การผุในอนาคต ถ้าไม่ทำความสะอาดให้ดี
  3. ความสะดวกในการดูแล: การทำความสะอาดรากฟันเทียมค่อนข้างง่ายกว่าสะพานฟัน เพราะสามารถใช้ไหมขัดฟันได้สะดวก ข้อเสียของรากฟันเทียมคือ การใช้เวลาทำที่นานกว่า เนื่องจากต้องมีการผ่าตัดฝังรากเทียม แต่ในแง่ของราคา ในปัจจุบันมีความแตกต่างไม่มากเหมือนในอดีต ทำให้รากฟันเทียมมีความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

รากฟันเทียม vs ฟันปลอมถอดได้

  1. ติดแน่นถาวร: รากฟันเทียมเป็นฟันปลอมที่ติดแน่น ไม่ต้องถอดออกเมื่อไม่ได้ใช้งาน
  2. ความสวยงาม: รากฟันเทียมสามารถทำเป็นวัสดุเซรามิกที่มีความสวยงามและใสเหมือนฟันธรรมชาติ ขณะที่ฟันปลอมถอดได้มักใช้วัสดุอะคริลิกที่อาจไม่เหมือนฟันจริง
  3. ประสิทธิภาพการเคี้ยว: รากฟันเทียมให้ประสิทธิภาพในการเคี้ยวอาหารได้ดีกว่า เพราะมันยึดอยู่ในกระดูกอย่างถาวร

อย่างไรก็ตาม รากฟันเทียมมีราคาที่สูงกว่าฟันปลอมถอดได้ แต่ข้อดีในแง่ของความสะดวกสบายและความสวยงามนั้นถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

ข้อดีและข้อจำกัดของการปลูกรากฟันเทียม

ข้อดีของการปลูกรากฟันเทียม

  1. เพิ่มความมั่นใจและเสริมบุคลิกภาพ
    การปลูกรากฟันเทียมช่วยให้คุณสามารถยิ้มและพูดได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลกับการหายของฟันที่หายไป
  2. สุขภาพช่องปากดีขึ้น
    ด้วยโครงสร้างฟันที่แข็งแรง รากฟันเทียมช่วยให้เหงือกและเนื้อเยื่อในช่องปากได้รับการรักษาและฟื้นฟูให้แข็งแรงขึ้น
  3. สามารถเคี้ยวอาหารได้สะดวก
    การปลูกรากฟันเทียมทำให้การเคี้ยวอาหารกลับมาง่ายและสะดวกเหมือนเดิม คุณจะสามารถรับประทานอาหารได้อย่างเต็มที่
  4. พูดและออกเสียงได้ชัดเจน
    รากฟันเทียมช่วยให้การพูดเป็นธรรมชาติและชัดเจนยิ่งขึ้น ลดปัญหาเสียงไม่ชัดจากการขาดฟัน
  5. ลดความกังวลเกี่ยวกับปัญหาฟัน
    การปลูกรากฟันเทียมช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาฟันหลุดหรือไม่เหมาะสมกับการใช้งาน

ข้อจำกัดของการปลูกรากฟันเทียม

  • ราคาค่อนข้างสูง
    การปลูกรากฟันเทียมมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการใส่ฟันปลอมแบบอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับบางคน
  • ไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก
    การปลูกรากฟันเทียมไม่สามารถทำได้ในผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากกระดูกและเนื้อเยื่อยังไม่พัฒนาเต็มที่
  • ข้อจำกัดสำหรับผู้มีโรคประจำตัว
    ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิดอาจมีความเสี่ยงหรือข้อจำกัดในการทำรากฟันเทียม
  • ผู้สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์บ่อย
    ผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์จัดอาจมีความเสี่ยงในการฟื้นฟูและการยึดเกาะของรากฟันเทียม

คำถาม-คำตอบเกี่ยวกับรากฟันเทียม

รากฟันเทียมสามารถใช้งานได้นานแค่ไหน?
รากฟันเทียมสามารถอยู่ได้ยาวนานถึง 10-20 ปีหรือมากกว่านั้น หากได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี เช่น การทำความสะอาดช่องปากอย่างสม่ำเสมอ (แปรงฟันอย่างถูกวิธีพร้อมการใช้ไหมขัดฟัน), การหลีกเลี่ยงการเคี้ยวของแข็งเกินไป เพราะอาจทำให้ครอบรากฟันเทียมเกิดการแตกหักได้ และการตรวจเช็คสภาพรากฟันเทียมกับทันตแพทย์เป็นประจำ ก็ช่วยยืดอายุการใช้งานได้ดี

ทำรากฟันเทียมแล้วเจ็บไหม?
การทำรากฟันเทียมไม่เจ็บอย่างที่หลายคนคิด เพราะการควบคุมความเจ็บปวดสามารถทำได้ง่ายๆ โดยแบ่งออกเป็นสองช่วง คือ ระหว่างการทำรากฟันเทียมและหลังจากทำเสร็จ ในระหว่างการทำ คุณหมอจะมีวิธีช่วยให้เราไม่รู้สึกเจ็บมาก และหลังการทำ จะมีการให้ยาแก้ปวดตามที่คุณหมอสั่ง หากทานยาอย่างถูกต้องก็จะช่วยลดอาการเจ็บปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อายุเท่าไหร่ถึงจะทำรากฟันเทียมได้?
สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถทำรากฟันเทียมได้ เนื่องจากกระดูกขากรรไกรจะมีการเจริญเติบโตจนถึงจุดที่พร้อมรับการปลูกถ่ายรากฟันเทียมแล้ว

ทำไมถึงต้องเลือกทำรากฟันเทียม?
การทำรากฟันเทียมเป็นทางเลือกที่จำเป็นเมื่อพบปัญหาฟันที่ไม่สมบูรณ์หรือหายไป เช่น ฟันหักจากอุบัติเหตุ, ฟันห่าง, หรือฟันที่ต้องจัดใหม่ แต่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีอื่นๆ รากฟันเทียมจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยทดแทนฟันจริงให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ